แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 46
1
รีวิวแท็บเล็ต OPPO Pad Air แท็บเล็ตรุ่นแรกจากออปโป้ "ดีไซน์บาง โฉบเฉี่ยว สนุกได้ไม่จำกัด" ไปกับหน้าจอ 2K พร้อมลำโพง 4 ตัว และแบตฯ ใหญ่ 7,100mAh

ออปโป้ เปิดตัว OPPO Pad Air แท็บเล็ตรุ่นแรกของแบรนด์ที่มาพร้อมสโลแกน "ดีไซน์บาง โฉบเฉี่ยว สนุกได้ไม่จำกัด" และ OPPO Enco Air2 Pro หูฟังไร้สายรุ่นล่าสุดกับการอัปเกรดเทคโนโลยีเพื่อคุณภาพการรับฟังที่ดียิ่งขึ้น ซึ่งทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์ จะเข้ามาเติมเต็มไลน์อัป IoT ที่พร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ และเปิดประสบการณ์การใช้งานอันยอดเยี่ยมของทุกคนที่ได้สัมผัส

และในวันนี้ Mobile GURU Thailand ขอพามาทำความรู้จักกับ OPPO Pad Air กับการเป็น 'The First' แท็บเล็ตรุ่นแรกจากออปโป้ ที่มาพร้อมจุดเด่นดีไซน์สวยงาม มีเอกลักษณ์ หน้าจอถนอมสายตา 2K HD เติมประสิทธิภาพด้วยชิปประมวลผล Snapdragon 680 และดื่มด่ำไปในโลกของความบันเทิงด้วยลำโพงเสียงสเตอริโอ 4 ตัว ระบบ Dolby Atmos กับราคาเปิดตัวว้าว ๆ เพียง 9,999 บาทเท่านั้น!

การออกแบบ (Design)
แท็บเล็ต OPPO Pad Air มาพร้อมดีไซน์ที่แตกต่างและมีเอกลักษณ์ที่ไม่ซ้ำใคร โดยออกแบบพื้นผิวส่วนบนของฝาหลังแบบ Sunset Dune ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากริ้วเนินทรายที่มีความวิบวาวเมื่อยามต้องกับแสงอาทิตย์อัสดง พร้อมใช้เทคนิค Reno Glow รวมทั้งการเคลือบ 5 ชั้น และเทคโนโลยี 3D Finishing ไล่เฉดสีเทาอย่างสวยงาม สามารถแมทช์ได้กับทุกสไตล์ ตัวเครื่องบางเพียง 6.94 มิลลิเมตร เน้นการจับถือใช้งานที่ง่ายและพกพาสะดวก

นอกเหนือจากการดีไซน์ฝาหลังที่แปลกตาแล้ว ทางด้านหลังยังมีโลโก้ OPPO จัดวางอยู่ในตำแหน่งกึ่งกลางของตัวเครื่อง และเลนส์กล้องสำหรับถ่ายภาพวางอยู่มุมบนซ้าย (เมื่อวางเครื่องในแนวตั้ง) ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล (f/2.0)

หน้าจอแสดงผล 2K Eye-care แบบ IPS LCD ขนาด 10.36 นิ้ว (2,000 x 1,200 พิกเซล) อัตรา Refresh Rate 60Hz อัตรา Touch Sampling Rate 120Hz บนอัตราส่วนหน้าจอ 83.5% โดยมีมิติตัวเครื่องกว้าง 154.84 x สูง 245.08 x หนา 6.94 มิลลิเมตร และน้ำหนักตัวเครื่องโดยรวมประมาณ 440 กรัม

ดีไซน์ขอบจอที่มีความกว้าง 8 มิลลิเมตร เท่ากันทั้ง 4 ด้าน พร้อมวางกล้องหน้าไว้ที่กึ่งกลางของขอบจอด้านบน (เมื่อวางเครื่องในแนวนอน) โดยมาพร้อมเลนส์ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล (f/2.2) ใช้ระบบโฟกัสภาพแบบ Fixed Focus

เมื่อวางเครื่องในแนวตั้ง จะเห็นว่าด้านบนของตัวเครื่องมีปุ่ม Power สำหรับเปิด-ปิดเครื่องหรือพักการใช้งานหน้าจอ และลำโพงเสียง 2 ตัว ส่วนทางด้านล่างของตัวเคื่องก็มีลำโพงเสียงอีก 2 ตัว เช่นกัน พร้อมด้วยพอร์ตเชื่อมต่อสำหรับชาร์จแบตเตอรี่และถ่ายโอนพลังงาน/ข้อมูลแบบ USB Type-C

ด้านซ้ายของตัวเครื่องไม่มีปุ่มหรือพอร์ตการเชื่อมต่อใดๆ ค่ะ ส่วนทางด้านขวามีปุ่มปรับเพิ่ม-ลดระดับเสียง (Volume) พร้อมด้วยช่องไมโครโฟน 2 ช่อง และถาดสำหรับใส่ microSD Card ที่รองรับการเพิ่มพื้นที่เก็บข้อมูลได้สูงสุด 512GB

นอกจากนี้ OPPO Aid Air ยังรองรับการใช้งานร่วมกับปากกา OPPO Life Smart Stylus Pen ที่รองรับแรงกดได้ถึง 4,096 ระดับ และมีค่าความหน่วงต่ำ เมื่อใช้งานเขียนหรือวาดบนหน้าจอจึงทำให้มีความรู้สึกค่อนข้างใกล้เคียงกับการใช้งานบนกระดาษจริงๆ ซึ่งสำหรับเจ้าปากกาสไตลัสนี้ ทางออปโป้วางจำหน่ายแยกต่างหาก ในราคา 1,999 บาท พร้อมด้วย OPPO Smart Cover เคสป้องกันรอยสำหรับแท็บเล็ตที่มีวางจำหน่ายแยกเช่นกันในราคา 799 บาท

อุปกรณ์ภายในกล่อง
ตัวเครื่องแท็บเล็ต OPPO Pad Air
หัวชาร์จแบตเตอรี่
สายชาร์จ USB Type-C
เข็มจิ้มถาดใส่การ์ด
คู่มือแนะนำการใช้งานและใบรับประกันสินค้า

รายละเอียดสเปก (Specification)
หน้าจอแสดงผล 2K IPS Eye-care ขนาด 10.36 นิ้ว (2,000 x 1,200 พิกเซล) อัตรา Refresh Rate 60Hz อัตรา Touch Sampling Rate 120Hz บนอัตราส่วนหน้าจอ 83.5%
หน่วยประมวลผล CPU Qualcomm Snapdragon 680 (6nm), Octa-core, Up to 2.4GHz
หน่วยประมวลผล GPU Adreno 610
หน่วยความจำ RAM 4GB (LPDDR4x)
หน่วยความจำ ROM 64GB (UFS 2.2)
รองรับ microSD Card (สูงสุด 512GB)
กล้องหลังความละเอียด 8MP (f/2.0)
กล้องหน้าความละเอียด 5MP (f/2.2)
การเชื่อมต่อ
-- Wi-Fi 802.11 a/b/g/n/ac
-- Bluetooth 5.1
-- พอร์ต USB Type-C
ลำโพงสเตอริโอ 4 ตัวระบบ Dolby Atmos
ระบบเซ็นเซอร์ Geomagnetic Sensor, Light Sensor, Accelerometer, Gyroscope, Hall Effect Sensor, Pedometer
แบตเตอรี่ 7,100 mAh รองรับชาร์จไว 18W ผ่าน USB-PD (และรองรับ Reverse Charging)
ระบบปฎิบัติการ Android 12 ครอบทับด้วย ColorOS for Pad 12.1
รองรับอุปกรณ์เสริม ปากกา OPPO Life Smart Stylus Pen

ราคาและการวางจำหน่าย (Price & Availability)
OPPO Pad Air แท็บเล็ตรุ่นแรกจากออปโป้ มา ในสีเทา Fog Gray พร้อมความจุ RAM 4GB + ROM 64GB วางจำหน่ายแล้ววันนี้ ในราคาเปิดตัว 9,999 บาท ใครที่สนใจสามารถไปทดลองใช้งาน สัมผัสตัวเครื่องจริง และเป็นเจ้าของได้ที่ OPPO Brand Shop ทุกสาขา และร้านค้าตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ

2
โรคตับอักเสบซี คืออะไร?

อาการของโรคตับอักเสบซีอาจคล้ายกับอาการไข้หวัด อาการทั่วไป ได้แก่ ปวดท้อง อุจจาระสีเหมือนดินเหนียวหรือสีเทา และอ่อนล้า
อาการของโรคตับอักเสบซีจะเกิดขึ้นภายในเวลาหลายเดือนหรือหลายปี อาจมีอาการปวดท้อง อุจจาระสีเหมือนดินเหนียวหรือสีเทา และอ่อนล้า

โรคตับอักเสบซี คืออะไร?

โรคตับอักเสบซีคือการติดเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดการอักเสบซึ่งทำลายตับของคุณ คุณสามารถติดเชื้อได้หากคุณสัมผัสกับไวรัสตับอักเสบซี (HCV) หลังจากสัมผัสกับเลือดที่มีไวรัสชนิดนี้ โรคตับอักเสบซีสามารถทำให้เกิดการติดเชื้อเฉียบพลันหรือเรื้อรัง:

    โรคตับอักเสบซีเฉียบพลัน : เป็นการติดเชื้อในระยะสั้น การติดเชื้ออาจไม่แสดงอาการ หากแสดงอาการ ร่างกายอาจต้องใช้เวลานานถึง 6 เดือนในการต่อสู้กับการติดเชื้อและทำให้ไวรัสหายไป
    โรคตับอักเสบซีเรื้อรัง (ระยะยาว) : เกิดขึ้นเมื่อร่างกายของคุณไม่สามารถต่อสู้กับการติดเชื้อได้ คุณมีไวรัสแต่ไม่มีอาการ หรือมีอาการเพียงเล็กน้อย ประมาณ 20% ถึง 30% ของผู้ป่วยโรคตับอักเสบซีเรื้อรังจะเกิดโรคตับแข็ง โรคตับแข็งอาจนำไปสู่มะเร็งตับหรือตับวายได้

นักวิจัยประเมินว่าในสหรัฐอเมริกามีผู้ป่วยโรคตับอักเสบซีเรื้อรังราว 2 ถึง 4 ล้านคน หลายคนไม่ทราบว่าตนเองเป็นโรคนี้ นั่นเป็นเหตุผลที่ผู้ให้บริการด้านการแพทย์ในสหรัฐอเมริกาแนะนำให้ผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปเข้ารับการตรวจคัดกรองไวรัสชนิดนี้ การตรวจคัดกรองไวรัสตับอักเสบซีช่วยให้ผู้ให้บริการสามารถวินิจฉัยและรักษาได้ก่อนที่ไวรัสจะทำลายตับของคุณ การรักษาสามารถรักษาโรคตับอักเสบซีได้

อาการและสาเหตุ

อาการของโรคไวรัสตับอักเสบซีมีอะไรบ้าง?

คนส่วนใหญ่มักไม่มีอาการใดๆ ผู้ป่วยโรคตับอักเสบซีเฉียบพลันอาจรู้สึกเหมือนเป็นไข้หวัดใหญ่โดยอาจมีอาการดังต่อไปนี้

    อาการปวดท้อง
    อาการปวดเมื่อยตามร่างกาย
    ปัสสาวะมีสีเข้ม
    ความเหนื่อยล้า
    ไข้
    อุจจาระสีเทาหรือสีดินเหนียว
    โรคดีซ่าน
    อาการปวดข้อ
    อาการเบื่ออาหาร
    อาการคลื่นไส้อาเจียน

อาการของโรคตับอักเสบซีเรื้อรังมักเกิดขึ้นนานหลายเดือนหรือบางครั้งนานหลายปี อาการแรกที่คุณอาจสังเกตเห็นคืออาการของโรคตับแข็ง เช่น:

    ความสับสนและการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและอารมณ์จากโรคตับ
    เลือดออกมาก ( hemorrhage )
    โรคดีซ่าน
    ปวดท้องด้านซ้ายบน
    ผิวบริเวณฝ่ามือมีสีแดงหรือสีเข้ม
    หลอดเลือดขนาดเล็กคล้ายแมงมุมในผิวหนังของคุณ ( เนื้องอกแมงมุม )
    ท้องบวมและน้ำหนักขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุจากภาวะบวมน้ำ (การสะสมของของเหลวในท้อง)
    อาเจียนเป็นเลือดเนื่องจากเส้นเลือดในหลอดอาหารบวม ( เส้นเลือดขอดในหลอดอาหาร ) ทำให้เกิดเลือดออกในระบบย่อยอาหาร


คุณจะติดโรคตับอักเสบซีได้อย่างไร?

คุณจะติดไวรัสตับอักเสบซีได้หากสัมผัสกับเลือดของผู้ที่มีเชื้อไวรัสดังกล่าว ในสหรัฐอเมริกา การใช้เข็มฉีดยาร่วมกันเป็นวิธีการแพร่กระจายของไวรัสที่พบบ่อยที่สุด แต่คุณอาจมีความเสี่ยงต่อการสัมผัสเพิ่มขึ้นหากคุณมีหรือเคยมี:

    การถ่ายเลือดหรือการปลูกถ่ายอวัยวะก่อนเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2535
    การฟอกไต
    การสัมผัสเลือดหรือเข็มที่ติดเชื้อในที่ทำงาน
    เอชไอวี
    การสักหรือเจาะร่างกายด้วยอุปกรณ์ที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อ

คุณอาจมีความเสี่ยงต่อโรคตับอักเสบซีเพิ่มมากขึ้นหากคุณ:

    ใช้มีดโกนหรือแปรงสีฟันร่วมกับผู้ที่ติดเชื้อไวรัสซึ่งอาจทำให้เลือดออกจากมีดโกนหรือแปรงสีฟันที่ใช้ร่วมกัน
    มีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อไวรัส โดยเฉพาะถ้าบุคคลนั้นมีเชื้อ HIV
    เกิดมามีผู้หญิง คนหนึ่ง ติดเชื้อไวรัส


โรคตับอักเสบซีมีภาวะแทรกซ้อนอะไรบ้าง?

โรคตับแข็งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยที่สุด โรคตับแข็งอาจนำไปสู่โรคร้ายแรง เช่น:

    ตับวาย
    มะเร็งตับ


ผู้ให้บริการด้านสุขภาพวินิจฉัยโรคตับอักเสบซีได้อย่างไร?

ผู้ให้บริการด้านสุขภาพจะสอบถามเกี่ยวกับอาการของคุณ พวกเขาจะถามว่าคุณเคยรับการถ่ายเลือดหรือใช้ยาฉีดหรือไม่ พวกเขาจะทำการตรวจร่างกายเพื่อดูสัญญาณของความเสียหายของตับ เช่น:

    การเปลี่ยนแปลงของสีผิวและส่วนตาขาว ( สเกลอร่า )
    อาการบวมที่ขาส่วนล่าง ข้อเท้า หรือเท้า
    ความรู้สึกเจ็บปวดหรือบวมบริเวณหน้าท้อง


แพทย์อาจสั่งตรวจเลือด รวมทั้ง:

    การทดสอบแอนติบอดีต่อไวรัสตับอักเสบซี : แสดงให้เห็นว่าเลือดของคุณมีแอนติบอดีต่อไวรัสหรือไม่
    การทดสอบ RNA ของไวรัสตับอักเสบซี : การทดสอบนี้จะแสดงสถานะของไวรัสยังคงทำงานอยู่หรือไม่
    การทดสอบจีโนไทป์ : ไวรัสตับอักเสบซีมีอย่างน้อย 6 สายพันธุ์หรือจีโนไทป์ การทดสอบนี้จะแสดงสายพันธุ์ที่คุณมี ผู้ให้บริการของคุณจะใช้ผลการทดสอบเพื่อแนะนำการรักษา
    การทดสอบการทำงานของตับ : การทดสอบนี้จะตรวจสอบสุขภาพโดยรวมของตับของคุณ
    การตรวจความยืดหยุ่นชั่วคราว : เป็นการตรวจอัลตราซาวนด์ของตับ โดยจะวัดปริมาณของพังผืดหรือความแข็งในตับ

โรคตับอักเสบซีรักษาอย่างไร?

การรักษาโรคไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรังที่พบบ่อยที่สุดคือการใช้ยาต้านไวรัสที่ออกฤทธิ์โดยตรง (DAA) ยา DAA จะช่วยลดปริมาณไวรัสในร่างกาย ยา DAA ที่มักใช้ในการรักษาเบื้องต้น ได้แก่:

    Elbasvir/grazoprevir (Zepatier®).
    Glecaprevir/pibrentasvir (Mavyret®).
    Ledipasvir/sofosbuvir (Harvoni®).
    Sofosbuvir/velpatasvir (Epclusa®).
    Sofosbuvir/velpatasvir/voxilaprevir (Vosevi®).


ผู้คนมักไม่ค่อยติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีเพราะมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีเชื้อไวรัสดังกล่าว แต่สามารถเกิดขึ้นได้หากคุณสัมผัสเลือดขณะมีเพศสัมพันธ์ เช่น มีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีรอยแผลหรือแผลที่อวัยวะเพศ นอกจากนี้ยังสามารถเกิดขึ้นได้หากคุณมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักหรือมีกิจกรรมทางเพศใดๆ ที่ทำให้ตัวคุณหรือคู่ของคุณมีเลือดออก หรือมีรอยแผลหรือแผล (ผิวหนังแตก)

3
จัดฟันบางนา: เรื่องน่ารู้ ก่อนคิด จัดฟัน

จัดฟัน ไม่ใช่เพียงแค่ เป็นการแก้ปัญหา ของผู้ที่มีความผิดปกติของเหงือกและฟัน แต่การจัดฟัน ยังช่วยเสริมบุคลิกของผู้ที่จัดฟันให้แลดูดีขึ้น มั่นใจตนเองมากขึ้น ดังนั้น ก่อนที่จะคิดจัดฟัน เราต้องศึกษาอะไรบ้าง วันนี้ จึงมีข้อแนะนำ มาฝาก ดังนี้

ชนิดของเครื่องมือ ที่ใช้ในการจัดฟัน เครื่องมือแต่ละชนิดอาจมีความสามารถในการเคลื่อนฟันต่างกัน หรือสร้างจากวัสดุที่ต่างกัน และในบางครั้งผู้ป่วยคนหนึ่งอาจต้องใช้เครื่องมือมากชนิดกว่าผู้ป่วยอีกคนหนึ่ง เช่น จำเป็นต้องมีเครื่องมือที่ใส่ภายนอกปากเพิ่มเติมด้วย ก็จะทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น จึงต้องปรึกษา ทันตแพทย์ ถึงปัญหาของของเหงือกและฟันของเรา ว่าเราต้องใช้เครื่องมือ อะไรบ้าง มากน้อยแค่ไหน เพื่อเตรียมความพร้อม ในเรื่องของค่าใช้จ่าย

ลักษณะความผิดปกติของผู้ป่วย ก่อนที่จะทำการจัดฟัน เราต้องไปพบทันตแพทย์ เพื่อตรวจวิเคราะห์ ปัญหาสุขภาพปากและฟัน และเมื่อผลการตรวจเสร็จสิ้น ทันตแพทย์ ก็จะแนะนำถึงรายละเอียด ของปัญหา แนวทางเลือกในการแก้ไข ขั้นตอนวิธีการ และระยะเวลาในการรักษา ตามปกติผู้ป่วยที่สามารถแก้ไขได้ง่าย และรวดเร็วจะมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าในรายที่ยุ่งยาก และมีปัญหาที่ซ้ำซ้อน การไปพบทันตแพทย์ จะช่วยให้เรา ทราบถึงสภาพปัญหาของเหงือกและฟันของเรา เพื่อที่จะได้วางแผนการจัดฟัน และค่าใช้จ่าย ในการจัดฟัน

สถานที่ที่ให้บริการ เป็นเรื่องปกติ ที่สถานที่ให้บริการของภาครัฐ มักจะราคาถูกกว่า ภาคเอกชน แต่สิ่งหนึ่งที่เราต้องยอมรับ นั่นคือ เครื่องมือในการจัดฟัน ของภาคเอกชน มักจะมีความทันสมัย กว่าภาครัฐ เนื่องด้วยนวัตรกรรมต่างๆ ที่มีราคาแพง จึงส่งผลต่อการให้บริการ รวมถึง ความสะดวก และรวดเร็ว ของภาคเอกชน สามารถที่จะนัดหมายเวลา ในการจัดฟัน ตามที่ลูกค้าต้องการ และเลือกทันตแพทย์ ที่จะทำการจัดฟันที่ตนเองมีความเชื่อมั่น แต่สิ่งหนึ่งที่ตามมา คือค่าบริการ ของภาคเอกชน ย่อมแพงกว่า ภาครัฐ แต่ภาคเอกชน ก็จะมีความหลากหลาย ในการให้บริการ หลากหลายรูปแบบในการจัดฟัน ซึ่งในภาครัฐ จะมีข้อกำหนดในการให้บริการที่น้อยกว่า การเลือกรูปแบบต่างๆ ย่อมน้อยกว่า เนื่องด้วย เทคโนโลยีในการจัดฟัน มีมากมาย แล้วแต่งบประมาณของคนไข้ และความพร้อมของสถานบริการ

การจ่ายเงินสำหรับค่าจัดฟัน โดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่มาปรึกษาทางทันตกรรมจัดฟันครั้งแรก จะต้องจ่ายค่าพิมพ์ปาก ถ่ายรูป และค่าเอกซเรย์ เพื่อวิเคราะห์ถึงความผิดปกติและวางแผนการบำบัดรักษา เมื่อทันตแพทย์ได้อธิบายถึงความผิดปกติและวิธีการรักษาจนเป็นที่ตกลงกันแล้ว ทันตแพทย์ มักจะแนะนำ วิธีการในการจัดฟัน ที่มีหลากหลายรูปแบบ และราคาที่แตกต่า่งกัน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับ คนไข้ ที่มีความพร้อม หรือเลือกรูปแบบการจัดฟัน ที่ตนเองชอบ และเหมาะสม กับการรักษา ที่ทันตแพทย์ แนะนำ เนื่องด้วย แต่ละวิธีของการจัดฟัน ก็จะมีเครื่องมือในการจัดฟัน ที่แตกต่างกัน ระยะเวลาในการจัดฟัน ที่แตกต่างกันด้วย งบประมาณของคนไข้ ที่สามารถจ่ายได้ จึงเป็นตัวเลือกหนึ่ง ในการตัดสินใจเลือกวิธีการในการจัดฟัน

การเตรียมตัวผู้ป่วยก่อนทำ การรักษาทางทันตกรรมจัดฟัน

การเตรียมพร้อมของสภาพในช่องปาก เนื่องจากสภาวะของฟัน เหงือกและกระดูกที่หุ้มรากฟันมีความสำคัญต่อการจัดฟัน ทั้งระหว่างการจัดฟัน และภายหลังการจัดฟัน การเคลื่อนที่ของฟันจะเป็นไปได้ด้วยดีต่อเมื่อสภาพของฟัน เหงือกและกระดูกที่หุ้มรากฟันอยู่ในสภาพแข็งแรงพอที่จะรองรับแรงจากเครื่องมือหรือการหยุดแรงโดยไม่จำเป็น เพราะอาจมีผลให้ระยะเวลาของการรักษาเนิ่นนานขึ้นหรือซับซ้อนมากขึ้น

หากผู้ป่วย มีปัญหาทันตกรรมด้านอื่นๆร่วมด้วย เช่น ฟันผุ ต้องทำการรักษาก่อน และจำเป็นต้องอุดฟันที่ผุทุกซี่ให้เสร็จสิ้นก่อนการใส่เครื่องมือจัดฟัน และให้ดูลักษณะที่บวมแดงของเหงือก หรือมีเลือดออกตามไรฟัน หรือหินปูนจับตามคอฟัน หรือฟันโยก ที่จะต้องรักษาให้หายก่อน และผู้ป่วยต้องศึกษาวิธีการแปรงฟัน การรักษาความสะอาดของช่องปาก เพราะเมื่อใส่เครื่องมือจัดฟันไปแล้วอาจทำให้การแปรงฟันยากขึ้น รวมทั้งแรงจากเครื่องมืออาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเหงือกและกระดูก อาจรู้สึกเจ็บ ทำให้ผู้ป่วยไม่กล้าแตะต้องหรือทำความสะอาดฟันบริเวณนั้น ซึ่งไม่ถูกต้อง

ความพร้อมทางด้านสุขภาพ ผู้ที่จะมาใช้บริการจัดฟัน ควรมีสุขภาพโดยรวมที่ดี ไม่มีโรคติดต่อ หรือโรคประจำตัว อันอาจมีผลต่อการจัดฟัน เนื่องด้วย การใช้ยาบางชนิด ในการรักษาโรค อย่างเป็นประจำ อาจส่งผลต่อเหงือก หรือน้ำลายที่อยู่ในช่องปาก รวมไปถึง ผู้ที่ได้รับอุบัติเหตุโดยเฉพาะบริเวณของใบหน้าและศีรษะ การแพ้ยา การแพ้อาหาร ประวัติการเจ็บป่วย ที่ท่านมี ควรแจ้งให้ทันตแพทย์จัดฟันทราบก่อน เพื่อเป็นข้อมูลในการวางแผนการรักษาและการเลือกใช้เครื่องมือ ที่เหมาะสม

การเตรียมพร้อมด้านสภาวะทางสังคม แน่นอนที่สุดว่า การจัดฟัน มีหลากหลายรูปแบบ ที่แตกต่างกัน เมื่ออยู่ระหว่างการจัดฟัน ก็ต้องดูแลตนเองให้ดี เนื่องด้วย อุปกรณ์ที่ใช้ในการจัดฟันแต่ละประเภท มีความแตกต่างกัน ในการใส่ จึงอาจส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การรับประทานอาหาร การเข้าสังคม ของผู้ที่จัดฟัน ดังนั้น ผู้ที่จะจัดฟัน ต้องเตรียมพร้อมจะใส่เครื่องมือจัดฟันแบบปกติ หรือต้องการเครื่องมือจัดฟันให้อยู่ทางด้านในปากโดยยึดติดกับฟันทางด้านใกล้สิ้น หรือเครื่องมือที่ติดกับฟันเป็นพลาสติกหรือเซรามิกที่มีสีเหมือนฟันแทนโลหะ หรือเครื่องมือชนิดถอดได้เพื่อให้ผู้ป่วยใส่และถอดได้เอง ต้องเรียนรู้ถึงเครื่องมือ ในแตะละแบบ ของการจัดฟันด้วย เพื่อที่จะวางแผนการใช้ชีวิต ในระหว่างจัดฟัน ได้อย่างเหมาะสมกับตนเอง



4
motor show: ก้าวสำคัญของ OMODA สู่การเป็นแบรนด์รถยนต์ระดับโลก

ปี 2023 ถือเป็นปีที่สำคัญของ OMODA เริ่มจากการเปิดตัวรถยนต์ OMODA E5 ในเดือนเมษายน อย่างยิ่งใหญ่ระดับโลก ต่อด้วยงานโชว์เคสในเดือนตุลาคม และปิดท้ายปีด้วยรางวัลและกระแสตอบรับที่ดีจากทั่วโลก รวมทั้ง โครงการใหม่ทางด้านพลังงานของ OMODA ยังเป็นแรงผลักดันสำคัญในการพัฒนาและเปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้าบริสุทธิ์รุ่นแรก E5 ที่มาช่วยเสริมทัพไลน์อัปโปรดักต์ต่าง ๆ ของบริษัทให้แตกต่างและหลากหลายมากขึ้น เติมเต็มระบบนิเวศของผู้ขับขี่ให้เป็น มากกว่ายานยนต์ และก้าวเข้าสู่ขอบเขตใหม่ ๆ ในอุตสาหกรรมยานยนต์โลก

 ด้วยกลยุทธ์ของ OMODA ทำให้แบรนด์ก้าวสู่การเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาดยานยนต์ที่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด ตลอดปี 2023 ที่ผ่านมา OMODA ได้บรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ ด้วยยอดส่งออกรถยนต์มากกว่า 147,000 คัน ซึ่งในเดือนธันวาคมที่ผ่านมานั้น OMODA มียอดส่งออกรถยนต์สูงถึง 13,677 คัน เติบโต 12.6% เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์ในฐานะผู้เล่นที่โดดเด่นในกลุ่มเซกเมนต์ SUV ครอสโอเวอร์

โปรดักต์ใหม่ของ OMODA ได้รับความสนใจและสร้างผลลัพธ์ที่ดีอย่างต่อเนื่อง มาจากความมุ่งมั่นเพื่อเข้าสู่ตลาดโลกของ OMODA
OMODA เปิดตัวรถยนต์ OMODA E5 ในปีที่ผ่านมา เพื่อสอดรับกับความต้องการของผู้ขับขี่รุ่นใหม่ ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นเส้นทางของพลังงานไฟฟ้าของ OMODA พร้อมทั้งได้เปิดตัว OMODA C5 ที่เข้ามาบุกตลาดรถยนต์ SUV ครอสโอเวอร์ระดับโลก ทำให้ OMODA กลายเป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จในการตีตลาดรถยนต์ที่มีศักยภาพสูง 15 แห่ง ทั้งยุโรปตะวันออก อเมริกากลาง อเมริกาใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

OMODA E5 ถูกเผยโฉมอย่างเป็นทางการครั้งแรก ในงานเปิดตัวแบรนด์ระดับโลกเมื่อเดือนเมษายน 2023 ซึ่งได้นำเทคโนโลยีพลังงานใหม่มาผสมผสาน เพื่อส่งเสริมการลดคาร์บอนและการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นการแนะนำรถยนต์ OMODA E5 แก่สื่อมวลชนและผู้ใช้ทั่วโลก OMODA ได้จัดกิจกรรมทดสอบการขับขี่ในหลาย ๆ ประเทศ ไม่ว่าจะเป็นฟิลิปปินส์ มาเลเซีย นิวซีแลนด์ เนปาล รวมถึงประเทศไทยอีกด้วย

 ไม่เพียงเท่านี้ปี 2023 ยังเป็นปีที่ OMODA มีผลงานที่โดดเด่นและได้รับการยอมรับมากมาย เริ่มต้นที่  2023 China Initial Quality StudySM (IQS) รายงานประจำปีจาก J.D. Power สถาบันที่ปรึกษาและการวิจัยชั้นนำของโลก ได้ยกย่อง OMODA ว่าเป็นผู้ผลิตที่มีคุณภาพอันดับต้น ๆ ส่วนงาน GAIKINDO Indonesia International Auto Show 2023 จัดให้รถยนต์ของ OMODA เป็น Best Test-Drive SUV รวมไปถึง รางวัลจากประเทศมาเลเซียอีกมากมาย อาทิ รางวัล Best Mid-Size Crossover/SUV จาก Star Media Group รางวัลสาขา Best 5-seater SUV ซึ่งคัดเลือกโดยบรรณาธิการ จากงานประกาศรางวัล Carlist x Wapcar COTY 2023 Awards และรางวัล Outstanding Warrant จากงานประกาศรางวัล Malaysia Car of the Year Awards ครั้งที่ 19 อีกด้วย

 การเป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้ใช้งาน รวมถึงการสนับสนุนจากสื่อมวลชนและภาคอุตสาหกรรม ทั้งหมดนี้เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ทำให้ OMODA เป็นที่รู้จัก ซึ่งไม่เป็นเพียงแค่ข้อยืนยันถึงคุณภาพสินค้าของ OMODA เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงแรงใจสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความทุ่มเทของแบรนด์ในการเจาะตลาดโลก โดยในอนาคต OMODA จะยังคงสานต่องานพัฒนาในด้านต่าง ๆ ทั้งการเรียนรู้ ความปลอดภัย พลังงาน และงานบริการ เพื่อตอบสนองความต้องการที่เป็นประโยชน์อย่างแท้จริงให้แก่ผู้บริโภคทั่วโลก และเป็นแรงผลักดันให้ OMODA เติบโตอย่างมั่นคงในตลาดยานยนต์ของโลก

 ยึดมั่นในหลักการ “ผู้ขับขี่ต้องมาก่อน” และผลักดันระบบนิเวศที่เป็น “มากกว่ายานยนต์”
OMODA เข้าใจดีว่าในสภาพแวดล้อมของตลาดที่มีการแข่งขันสูง การสร้างผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยมและมีนวัตกรรมที่ทันสมัยเป็นสิ่งสำคัญ แต่การดูแลความสัมพันธ์กับผู้ขับขี่ก็เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้น OMODA จึงมีแนวคิดหลักเกี่ยวกับการคำนึงถึงผู้ขับขี่หรือผู้ใช้งานเป็นอย่างแรก จึงมุ่งมั่นที่จะสร้างระบบนิเวศที่ดีให้กับผู้ใช้ ที่จะช่วยให้พวกเขาได้ก้าวออกนอกกรอบ และออกสำรวจความเป็นไปได้อื่น ๆ อีกมากมาย

 ในงาน Global User Ecosystem Co-creation Conference เมื่อเดือนตุลาคม ผู้ใช้รถยนต์ OMODA จาก 30 กว่าประเทศทั่วโลก ได้มารวมตัวกันเพื่อสร้างประสบการณ์กับแบรนด์ โดยในงานเล่าเรื่องราวความสำเร็จของ OMODA และความพร้อมเชื่อมโยงผู้ขับขี่ทั่วโลกในการสร้างสรรค์และแชร์ประสบการณ์การขับขี่ร่วมกัน เพื่อเติมเต็มระบบนิเวศที่เป็น มากกว่ารถยนต์ พร้อมตอบสนองไลฟ์สไตล์ LOHAS หรือ Lifestyle of Health and Sustainability ของผู้ขับขี่รุ่นใหม่ที่ต้องการสร้างสมดุลระหว่างคุณภาพชีวิตและความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อม

 ในช่วงสิ้นปีที่ผ่านมา OMODA รถยนต์ครอสโอเวอร์ที่มีรูปลักษณ์นำแฟชั่น ได้ปล่อยแคมเปญ Refitting Competition ที่รวบรวมศิลปินนักสร้างสรรค์มาออกไอเดียตกแต่ง OMODA ในแบบของตัวเอง พร้อมนำเสนอมุมมองที่ไม่เหมือนใครและเผยศักยภาพที่ไร้ขีดจำกัดให้ผู้ขับขี่อื่น ๆ ได้เห็นไอเดียนอกกรอบใหม่ ๆ ของ OMODA C5 และเสน่ห์อันน่าหลงไหลของวงการรถยนต์

 นอกเหนือไปจากการมีระบบนิเวศ LOHAS และไลฟ์สไตล์การขับขี่ครอสโอเวอร์แล้ว­ OMODA ยังร่วมมือกับผู้ขับขี่เพื่อส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคมอีก โดยเข้าไปมีส่วนร่วมกับองค์กรการกุศลที่หลากหลายในระดับโลก ผ่านกิจกรรม New Journey New Life - Embracing Green Living ปั่นจักรยานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ OMODA ได้ผนึกกำลังกับผู้ขับขี่หลายพันรายทั่วโลก สนับสนุนการเดินทางแบบคาร์บอนต่ำและเป็นผู้นำด้านการมีวิถีชีวิตที่ยั่งยืน ผ่านความร่วมมือกับ Arturo Allende Islands ผู้นำด้านสิ่งแวดล้อมจากเม็กซิโก ที่ได้ริเริ่มโครงการการกุศลหลายด้าน อาทิ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การดูแลกลุ่มเปราะบาง และการคุ้มครองสัตว์

 การเติบโตของแบรนด์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผ่านการสร้างคอมมูนิตี้ของผู้ขับขี่ที่สร้างสรรค์และส่งเสริมสังคม และยังดึงดูดให้ผู้คนที่สนใจการขับขี่แบบเดียวกันเข้ามาใช้งาน เมื่อรวมกับผู้ขับขี่รถยนต์ OMODA ที่มีอยู่ จึงกลายเป็นชุมชนผู้ขับขี่ OMODA ที่ใหญ่ขึ้น ตอบโจทย์อนาคตของแบรนด์ที่เป็น มากกว่ายานยนต์

 OMODA ถือกำเนิดขึ้นในฐานะแบรนด์รถยนต์ระดับโลก ที่มุ่งมั่นทะยานสู่การเป็นผู้นำตลาดรถครอสโอเวอร์ในเวทีโลก มุ่งหน้าพัฒนาแบรนด์ที่สะท้อนความต้องการของผู้ขับขี่ในภูมิภาคต่าง ๆ  รวมไปถึงการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยในปี 2023 ที่ผ่านมา OMODA E5 ได้รับการตอบรับจากผู้นำและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐในหลายประเทศ ท่ามกลางโลกที่ให้ความสำคัญกับพลังงานสะอาดและการพัฒนาที่ยั่งยืน OMODA ได้มีส่วนร่วมกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงในประเทศต่าง ๆ เพื่อนำข้อมูลของแต่ละพื้นที่ไปปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของคนท้องถิ่น จากความมุ่งมั่นนี้ ทำให้แบรนด์ OMODA สามารถแข่งขันในตลาดรถยนต์ระดับโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยส่งเสริมตลาดรถยนต์ต่างประเทศให้มีกลยุทธ์ที่เฉพาะเพื่อเข้าถึงตลาดท้องถิ่นอีกด้วย

 ในปีที่ผ่านมา OMODA ประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นในตลาดโลก จากความพยายามที่ไม่หยุดนิ่งและการมีกลยุทธ์ที่มีศักยภาพ สำหรับปี 2024 นี้ OMODA จะเสริมทัพไลน์อัปผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ให้ดียิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการส่งเสริมระบบนิเวศของแบรนด์ร่วมกับผู้ขับขี่ทั่วโลก ผ่านมุมมอง เรื่องราว และการมีส่วนร่วมจากทุกคนในการพัฒนาคุณภาพ OMODA ให้เป็นผู้นำในตลาดยานยนต์ระดับโลก

5
คิดจะรีไฟแนนซ์บ้าน 2568 คิดถึงธนาคารไหน?...เปรียบเทียบให้ดี คำนวณให้คุ้ม ค่าใช้จ่ายจะได้ไม่บานปลาย!!

"รีไฟแนนซ์ (Refinance)" หลายคนสงสัยว่า เมื่อเรากู้ซื้อบ้านแล้ว เราจำเป็นจะต้อง รีไฟแนนซ์ ไหม? คำตอบของคำถามนี้บอกได้เลยค่ะว่า รีไฟแนนซ์ นั้น มีความจำเป็นสำหรับคนที่ต้องการลดการจ่ายดอกเบี้ยลง เพราะการ รีไฟแนนซ์ เป็นการเปลี่ยนเจ้าหนี้ จากผู้ให้สินเชื่อเดิมเพื่อไปขอกู้จากผู้ให้สินเชื่อใหม่ ซึ่งผู้ให้สินเชื่อใหม่จะเสนออัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่า โดยปกติแล้วธนาคารที่ให้สินเชื่อเดิมจะมีโปรโมชั่นสำหรับดอกเบี้ยเงินกู้สูงสุดอยู่ที่ 3 ปีแรก และหลังจากนั้นก็จะเป็นดอกเบี้ยที่สูงขึ้นแบบลอยตัว รวมทั้งในเงื่อนไขของสินเชื่อแต่ละธนาคารก็ได้กำหนดให้เราต้องชำระเงินกู้ให้ครบ 3 ปีก่อน แล้วถึงจะทำการ รีไฟแนนซ์ เปลี่ยนสินเชื่อกับธนาคารใหม่ได้ ทั้งนี้ ในบางรายมีความจำเป็นที่จะต้องจ่ายค่างวดให้น้อยลงกว่าเดิม หรือต้องการตัดเงินต้นเพิ่มขึ้น การ รีไฟแนนซ์ นี้ก็สามารถตอบโจทย์ความต้องการเหล่านี้ได้เช่นกัน

เปรียบเทียบให้ดี เลือกให้คุ้ม ค่าใช้จ่ายไม่บานปลาย...ต้องดูอะไรบ้าง?
ปัจจุบันคนส่วนใหญ่หันมาสนใจการ รีไฟแนนซ์ บ้านมากขึ้น ทำให้บรรดาธนาคารต่างๆ จัดโปรโมชั่นเกี่ยวกับสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านออกมาไม่ขาดสาย ซึ่งนับได้ว่าเป็นผลดีกับผู้บริโภคอย่างเราๆ เนื่องจากการแข่งขันค่อนข้างสูง ยิ่งธนาคารไหนออกโปรโมชั่นที่จูงใจ และดึงดูดผู้บริโภคมากที่สุด ก็จะได้รับความนิยมมากเท่านั้น ดังนั้น ในฐานะผู้บริโภคอย่างเราควรจะต้องมีการเปรียบเทียบให้ดี ดูให้คุ้ม ว่าแบบไหนได้ประโยชน์มากที่สุด

ถ้าต้องรีไฟแนนซ์ จะเลือกธนาคารไหนดี?

 กรณีคำนึงถึงดอกเบี้ย
หลังจากที่ได้เห็นตารางเปรียบเทียบของหลายๆ ธนาคารข้างต้นแล้ว ถ้าดูจากเรื่องของดอกเบี้ยแล้วนั้น ธนาคารที่มีดอกเบี้ยถูกและน่าสนใจมากที่สุดในกลุ่มนี้ นั่นก็คือ "ธนาคารธนชาต" ด้วยอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี เริ่มต้น 3.29% ต่อปี กับ "สินเชื่อบ้านธนชาตรีไฟแนนซ์" โดยสินเชื่อนี้ทางธนาคารให้ผู้กู้สามารถเลือกได้ 2 ทางเลือก คือ

ทางเลือกที่ 1 อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 3.290% ต่อปี
ปีที่ 1 - 2 : ดอกเบี้ย 3.290% ต่อปี
ปีที่ 3 : ดอกเบี้ย MLR - 3.360% ต่อปี
หลังจากนั้น : MLR - 1.150% ต่อปี
**อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญา เท่ากับ 4.890% ต่อปี

ทางเลือกที่ 2 อัตราดอกเบี้ยคงที่ 2 ปี
ปีที่ 1 - 2 : 4.250% ต่อปี
ปีที่ 3 : MLR - 0.900% ต่อปี
หลังจากนั้น : MLR - 0.650% ต่อปี
**อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญา เท่ากับ 5.623% ต่อปี

หมายเหตุ :
สามารถขอเพิ่มวงเงินกู้ เพื่อชำระค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบคุ้มครองวงเงินกู้ (MRTA) ได้
สิทธิพิเศษ ธนาคารจะมอบส่วนลดอัตราดอกเบี้ยจำนวน 12 เดือน ในกรณีลูกค้าทำประกันชีวิตที่คุ้มครองวงเงินกู้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 กับบริษัทผู้รับประกันตามนโยบายของธนาคารโดยอายุกรมธรรม์ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 ของอายุสัญญากู้เงิน และไม่ต่ำกว่า 10 ปี หรือทำประกันชีวิตที่คุ้มครองวงเงินกู้ทั้งจำนวนกับบริษัทผู้รับประกันตามนโยบายของธนาคาร โดยอายุกรมธรรม์ไม่ต่ำกว่าอายุสัญญากู้เงินหรือไม่ต่ำกว่า 10 ปี

- ซื้อประกันชีวิต MRTA : ลดอัตราดอกเบี้ย 0.15%
- ซื้อประกันชีวิต MRTA Plus : ลดอัตราดอกเบี้ย 0.25%

 กรณีคำนึงถึงค่างวด
หากการเลือกรีไฟแนนซ์เพื่อต้องการจ่ายค่างวดให้น้อยลง และสามารถลดเงินต้นได้เพิ่มขึ้นนั้น ทาง สินเชื่อบ้านธนชาตรีไฟแนนซ์ ก็ยังสามารถตอบโจทย์นี้ได้อยู่ เพราะอัตราดอกเบี้ยต่ำเฉลี่ย 3 ปีแรก เริ่มต้น 3.29% ต่อปี เมื่อดอกเบี้ยน้อยลง ค่างวดก็น้อยลง และทำให้เงินต้นลดมากขึ้น พร้อมให้ระยะเวลาการผ่อนชำระนานสูงสุด 30 ปี ดังนั้น จึงจ่ายน้อย ผ่อนสบาย ซึ่งเป็นการลดภาระได้มากทีเดียว
 ตารางเปรียบเทียบการจ่ายค่างวดที่ลดลง และสามารถตัดเงินต้นได้มากขึ้น

เปรียบเทียบ                             ธนาคารเดิม   
วงเงินกู้ (บาท)                     2,000,000
ระยะเวลาผ่อน (ปี)            30             27
ค่างวดผ่อนต่อเดือน       12,800          12,500
อัตราดอกเบี้ย เฉลี่ย 3 ปีแรก   5.75%          3.29%
ดอกเบี้ยจ่าย 3 ปีแรก       334,741          184,895
เงินต้นที่จ่ายคืนใน 3 ปีแรก  126,059          265,105

จากตัวอย่างตารางเปรียบเทียบจะเห็นได้ชัดว่าถ้าเปลี่ยนมารีไฟแนนซ์บ้านกับธนชาต จะทำให้ยอดชำระค่างวดต่อเดือนลดลง เมื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำลง นอกจากนั้น ยอดดอกเบี้ยทั้งหมดของ 3 ปีแรกก็จ่ายน้อยลงด้วยเช่นกัน จึงทำให้จำนวนเงินต้นที่ถูกตัดไปก็เพิ่มขึ้นอีกด้วย

 กรณีคำนึงถึงวงเงินกู้เพิ่ม
ความต้องการเพิ่มเติมของคนที่ต้องการรีไฟแนนซ์บ้านนั้น นอกจากจะต้องการดอกเบี้ยที่ลดลงแล้วหลายคนก็ยังมีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินส่วนต่างที่ได้จากการรีไฟแนนซ์เพิ่มเติมอีกด้วย ซึ่งบางคนก็จะต้องนำไปปิดหนี้ในส่วนอื่นที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า หรือในบางคนก็ต้องการนำไปเป็นเงินทุนเพื่อใช้ในการลงทุนธุรกิจเพื่อให้เกิดรายได้ ดังนั้น วงเงินกู้เพิ่มจากการรีไฟแนนซ์บ้านจึงจำเป็นด้วยเช่นกัน ในกรณีนี้ธนาคารธนชาตเปิดโอกาสให้ลูกค้ารีไฟแนนซ์สามารถขอกู้เพิ่มได้ตามเงื่อนไขวงเงิน โดยธนาคารธนชาตจะพิเศษกว่าหลายๆ ธนาคารตรงที่จะคิดดอกเบี้ยในช่วง 3 ปีแรกของวงเงินกู้เพิ่มที่อัตราดอกเบี้ยเดียวกับอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ ซึ่งเมื่อเทียบกับหลายๆ ธนาคารในตลาด ณ ขณะนี้ก็ถือว่าถูกและพิเศษมากๆ

อยากขอกู้ "สินเชื่อบ้านธนชาตรีไฟแนนซ์" ต้องทำยังไง?

จากข้อมูลที่เห็นในข้างต้น เชื่อแน่ว่าหลายคนคงจะสนใจที่จะรีไฟแนนซ์กับธนาคารธนชาตแล้วใช่มั้ยคะ งั้นก็อย่ารอช้า...เรามาดูกันเลยค่ะว่า คุณสมบัติของคนที่จะขอกู้ สินเชื่อบ้านธนชาตรีไฟแนนซ์ ต้องเป็นแบบไหน? ใช้เอกสารอะไรบ้าง? เราจะมีคุณสมบัติที่จะขอกู้ได้หรือไม่? เช็คคุณสมบัติไปพร้อมกันเลยค่ะ

คุณสมบัติของผู้กู้
 บุคคลธรรมดา
 สัญชาติไทย หรือเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย กรณีที่ไม่มีสัญชาติไทยต้องมีเอกสารแสดงถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย หรือใบต่างด้าว หรือมีชื่อในทะเบียนบ้าน (ทร.14)

 อายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี
 มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 10,000 บาท/เดือน/คน
 อายุงานไม่น้อยกว่า 1 ปี หากไม่ถึง 1 ปี ต้องมีเอกสารหรือหนังสือรับรองจากที่ทำงานเดิมมาแสดงว่ามีอายุงานมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี
 กรณีผู้กู้ประกอบธุรกิจส่วนตัว ต้องดำเนินธุรกิจมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี
 กรณีมีผู้กู้ร่วม ผู้กู้ร่วมต้องมีส่วนในการผ่อนชำระหนี้ และต้องเป็นบุคคลในครอบครัวเดียวกัน
 กรณี Refinance ต้องมีประวัติผ่อนชำระกับสถาบันการเงินอื่นมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี และบัญชีมีสถานะล่าสุด เป็นปกติ

ระยะเวลาการผ่อนชำระ
ผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 30 ปี โดยกำหนดอายุผู้กู้ร่วมกับระยะเวลาที่ผ่อนชำระ ดังนี้
 อาชีพพนักงานประจำ อายุรวมไม่เกิน 65 ปี
 เจ้าของธุรกิจ / ผู้ประกอบอาชีพอิสระ อายุรวมไม่เกิน 70 ปี

ประเภทหลักประกัน
 บ้านพร้อมที่ดิน, ทาวน์เฮ้าส์, ทาวน์โฮม, โฮมออฟฟิต, อาคารพาณิชย์ และอาคารชุด (คอนโดมิเนียม)
มูลค่าหลักประกันขั้นต่ำ
 กรุงเทพและปริมณฑล 700,000 บาท
 ต่างจังหวัด 500,000 บาท

วงเงินกู้
 วงเงินอนุมัติสูงสุด 100% ของราคาประเมินหรือราคาซื้อขาย แล้วแต่อย่างใดจะต่ำกว่า
 กรณีเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่เข้าร่วมโครงการกับธนาคาร เงื่อนไขเป็นไปตามรายละเอียดของแต่ละโครงการ

หมายเหตุ : ธนาคารขอสงวนสิทธิ์ในการพิจารณาอนุมัติวงเงินกู้ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของธนาคาร

6
วิธีทำอาชีพเสริม เพิ่มรายได้จากคอหมูย่างรสชาติอร่อยเข้มข้นหอมกลิ่นควัน น้ำจิ้มแจ่วรสเจ็บ

คอหมูย่างเป็นอาหารไทยที่ต้องลองชิมให้ได้ ขึ้นชื่อในเรื่องเนื้อสัมผัสที่ชุ่มฉ่ำ นุ่มลิ้นและรสชาติที่เข้มข้นหอมกลิ่นควัน อาหารจานนี้มักรับประทานคู่กับน้ำจิ้มแจ่วซึ่งเป็นน้ำจิ้มรสเผ็ดเปรี้ยวที่ช่วยเพิ่มรสชาติด้วยความสมดุลของความเผ็ด ความหวานและความเป็นกรด คอหมูย่างและน้ำจิ้มแจ่วเป็นเมนูอาหารไทยยอดนิยมที่เข้ากันได้ดีมาก ๆ

คอหมูย่างที่อร่อยควรมีลักษณะดังนี้:
คอหมูย่าง:
เนื้อหมูนุ่ม ชุ่มฉ่ำ ไม่แห้งกระด้าง
มีมันแทรกเล็กน้อย ทำให้เนื้อหมูมีรสชาติอร่อยยิ่งขึ้น
ย่างจนมีสีเหลืองทองสวยงาม มีกลิ่นหอมของเนื้อหมูย่าง
ถ้าเป็นคอหมูย่างที่หมักเครื่องเทศ จะทำให้มีกลิ่นหอมของเครื่องเทศเพิ่มขึ้นด้วย

น้ำจิ้มแจ่ว:
มีรสชาติเปรี้ยว เค็ม หวาน เผ็ด กลมกล่อม
มีกลิ่นหอมของข้าวคั่ว พริกป่น และสมุนไพรต่าง ๆ
มีความข้นพอดี ไม่เหลวหรือข้นจนเกินไป
บางสูตรอาจจะมีการเพิ่มมะขามเปียก เพื่อเพิ่มความกลมกล่อมลงไปด้วย

คอหมูย่างที่สมบูรณ์แบบ
เคล็ดลับความอร่อยของข้าวหมูย่างอยู่ที่การหมัก โดยทั่วไปคอหมูจะหมักกับน้ำปลา ซอสหอยนางรม ซอสถั่วเหลือง กระเทียม และน้ำตาลปี๊บเล็กน้อย เพื่อให้ได้รสชาติอูมามิที่ลงตัว เมื่อย่างบนเตาถ่าน เนื้อหมูจะกรอบเล็กน้อยด้านนอก แต่ยังคงนุ่มชุ่มฉ่ำด้านใน

น้ำจิ้มแจ่วรสเด็ด
น้ำจิ้มแจ่วเป็นน้ำจิ้มรสชาติจัดจ้านที่เข้ากันได้ดีกับเนื้อย่าง โดยทำจากน้ำปลา น้ำมะนาว น้ำมะขามเปียก ผงข้าวคั่ว พริกป่น และน้ำตาลเล็กน้อย ส่วนผสมนี้ทำให้เกิดน้ำจิ้มรสเข้มข้น หอมกลิ่นควัน เผ็ดเปรี้ยว เข้ากันได้ดีกับเนื้อหมูรสเผ็ด

วิธีการเพลิดเพลิน
คอหมูย่างราด ซอส แจ่วเหมาะที่จะทานคู่กับข้าวเหนียวและผักสด รสชาติและเนื้อสัมผัสที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นข้าวเหนียว ผักกรุบกรอบ หมูรมควัน และซอสรสแซ่บ ทำให้ทุกคำที่รับประทานอร่อยจนหยุดไม่ได้

ไม่ว่าคุณจะทำอาหารอยู่ที่บ้านหรือสั่งจากร้านอาหารไทยก๋วยเตี๋ยวน้ำจิ้มแจ่วก็เป็นเมนูที่มีรสชาติจัดจ้านและเป็นอาหารไทยแท้ๆ อย่างแท้จริง


7
ขั้นตอนการเลือกท่อลมร้อนให้เหมาะสมกับโรงงานของคุณ

เพื่อให้การเลือกท่อลมร้อนเหมาะสมกับโรงงานของคุณอย่างแท้จริง และสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และคุ้มค่าในระยะยาว ควรดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้ครับ:

ขั้นตอนที่ 1: การประเมินความต้องการและสภาพแวดล้อมของโรงงาน

กำหนดวัตถุประสงค์การใช้งาน:

ลมร้อนนี้ใช้สำหรับอะไรในโรงงาน? (เช่น ระบบทำความร้อนพื้นที่, ระบบอบแห้งในกระบวนการผลิต, ระบบระบายอากาศร้อนจากเครื่องจักร)
ปริมาณลมร้อนที่ต้องการ (อัตราการไหล - Flow Rate) เท่าไหร่?
อุณหภูมิของลมร้อนที่ต้องการ (ต่ำสุด/สูงสุด) เท่าไหร่?
แรงดันที่ลมร้อนต้องมีในระบบเท่าไหร่?
มีความต้องการพิเศษอื่นๆ หรือไม่? (เช่น ความสะอาด, การควบคุมความชื้น)
สำรวจสภาพแวดล้อมในโรงงาน:

อุณหภูมิและความชื้น: สภาพแวดล้อมโดยรอบบริเวณที่จะติดตั้งท่อเป็นอย่างไร?
สารเคมี: มีไอระเหยหรือสารเคมีที่อาจกัดกร่อนท่อหรือไม่?
ฝุ่นละออง: มีปริมาณฝุ่นละอองในอากาศมากน้อยแค่ไหน?
การสั่นสะเทือน: มีเครื่องจักรที่ก่อให้เกิดการสั่นสะเทือนใกล้เคียงหรือไม่?
ข้อจำกัดด้านพื้นที่: พื้นที่ติดตั้งท่อมีขนาดจำกัดหรือไม่? มีสิ่งกีดขวางหรือไม่?
ข้อกำหนดด้านความปลอดภัย: มีมาตรฐานหรือกฎระเบียบด้านความปลอดภัยที่ต้องปฏิบัติตามหรือไม่?


ขั้นตอนที่ 2: การพิจารณาประเภทของท่อลมร้อน

จากข้อมูลที่ได้ในขั้นตอนที่ 1 ให้พิจารณาประเภทของท่อลมร้อนที่เหมาะสม:

ท่อโลหะ:
ท่อเหล็กชุบสังกะสี (Galvanized Steel): เหมาะสำหรับงานทั่วไป ทนความร้อนได้ดี ราคาเหมาะสม
ท่อสแตนเลส (Stainless Steel): ทนทานต่อการกัดกร่อนและความร้อนสูง เหมาะสำหรับอุตสาหกรรมอาหาร ยา เคมี
ท่ออลูมิเนียม (Aluminum): น้ำหนักเบา ทนการกัดกร่อนได้ดีในบางสภาวะ
ท่ออ่อน (Flexible Duct):
ท่ออลูมิเนียมฟอยล์ (Aluminum Foil): ยืดหยุ่น น้ำหนักเบา ทนความร้อนปานกลาง
ท่อผ้าใบเคลือบ (Fabric): ยืดหยุ่น ทนการสั่นสะเทือน อาจมีคุณสมบัติพิเศษ (กันไฟฟ้าสถิตย์)
ท่อโพลียูรีเทน (Polyurethane): ทนทานต่อการเสียดสี เหมาะสำหรับลมที่มีฝุ่น


ขั้นตอนที่ 3: การประเมินคุณสมบัติทางเทคนิคของท่อ

พิจารณาคุณสมบัติทางเทคนิคที่สำคัญ:

ความทนทานต่ออุณหภูมิ: เลือกท่อที่ทนต่ออุณหภูมิสูงสุดที่ใช้งานได้อย่างปลอดภัย
ความทนทานต่อแรงดัน: เลือกท่อที่ทนต่อแรงดันในระบบ
ความต้านทานต่อการกัดกร่อน: เลือกวัสดุที่ทนทานต่อสารเคมีและความชื้นในสภาพแวดล้อม
ความทนทานต่อการเสียดสี: หากมีฝุ่นหรืออนุภาคในลม ควรเลือกท่อที่ทนทานต่อการเสียดสี
ค่าการนำความร้อน (Thermal Conductivity): พิจารณาหากต้องการลดการสูญเสียความร้อน (อาจต้องใช้ท่อมีฉนวน)
ความยืดหยุ่น: พิจารณาหากต้องการความสะดวกในการติดตั้งในพื้นที่จำกัด หรือมีการสั่นสะเทือน


ขั้นตอนที่ 4: การตรวจสอบมาตรฐานและการรับรอง

ตรวจสอบว่าท่อลมร้อนที่เลือกมีมาตรฐานอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง (เช่น UL, FM, มาตรฐานท้องถิ่น) เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพและความปลอดภัย


ขั้นตอนที่ 5: การพิจารณาด้านการติดตั้งและการบำรุงรักษา

เลือกประเภทท่อและข้อต่อที่ติดตั้งง่าย และเหมาะสมกับโครงสร้างโรงงาน
พิจารณาความสะดวกในการตรวจสอบและทำความสะอาดท่อในระยะยาว


ขั้นตอนที่ 6: การเปรียบเทียบและเลือกผู้ผลิต/ผู้จำหน่าย

เปรียบเทียบผลิตภัณฑ์จากหลายผู้ผลิต/ผู้จำหน่าย โดยพิจารณาคุณภาพ ราคา การรับประกัน และบริการหลังการขาย
เลือกผู้ผลิต/ผู้จำหน่ายที่มีชื่อเสียงและน่าเชื่อถือ


ขั้นตอนที่ 7: การขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ (ถ้าจำเป็น)

หากไม่แน่ใจในการเลือก ควรปรึกษาวิศวกรหรือผู้เชี่ยวชาญด้านระบบท่อลมร้อน เพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติม
โดยสรุป: การเลือกท่อลมร้อนที่เหมาะสมกับโรงงานของคุณต้องเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจความต้องการและสภาพแวดล้อมอย่างละเอียด จากนั้นจึงพิจารณาประเภท คุณสมบัติทางเทคนิค มาตรฐาน การติดตั้ง การบำรุงรักษา และเลือกผู้ผลิต/ผู้จำหน่ายที่น่าเชื่อถือ การทำตามขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยให้คุณได้ท่อลมร้อนที่มีคุณภาพและตอบโจทย์การใช้งานในโรงงานของคุณได้อย่างดีที่สุดครับ

8
จัดฟันบางนา: หลายคนสงสัย ! โปรแกรม CLINCHECK ในการ จัดฟันแบบใส คืออะไร ?

เป็นการจัดฟันที่ใช้นวัตกรรมทางทันตกรรมในการรักษา เพื่อให้มีฟันสวยและมีประสิทธิภาพในการใช้งาน รวมไปถึงการจัดฟันแบบใส ยังมีข้อดีหลายอย่างจึงทำให้เป็นที่นิยมมาก ด้วยเครื่องมือการจัดฟันที่เป็นเอกลักษณ์ เพราะสามารถมองเห็นเครื่องมือภายในช่องปากได้ยาก และสามารถถอดเครื่องมือได้ ขณะที่รับประทานอาหารและแปรงฟัน อย่างไรก็ตาม การจัดฟันแบบใสนั้น เรามีเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการวางแผนการรักษา รวมไปถึงขั้นตอนการขัดฟัน แต่มีโปรแกรมตัวหนึ่งที่สำคัญในการจัดฟันแบบใส

นั่นก็คือ CLINCHECK โปรแกรมคอมพิวเตอร์ซึ่งแสดงแผนการรักษาเป็น 3D ตามการวางแผนของทันตแพทย์ ซึ่งสามารถบอกได้ถึงจำนวนเครื่องมือและระยะเวลาในการจัดฟัน ให้การเคลื่อนฟันเป็นไปตามตำแหน่งในช่วงเวลาที่เหมาะสม

ซึ่งโปรแกรม CLINCHECK ถือเป็นส่วนสำคัญในการจัดฟันแบบใส เพราะต้องใช้โปรแกรม CLINCHECK วางแผนการรักษาตั้งแต่ขั้นตอนแรกไปจนถึงขั้นตอนสุดท้ายของการจัดฟันแบบใส โดยทันตแพทย์จะทำการวางแผนการรักษา ด้วยโปรแกรม CLINCHECK เพื่อให้ผู้เข้ารับการรักษาได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของสภาพฟัน

และระยะเวลาที่ทันตแพทย์ได้กำหนดมา การเคลื่อนตัวของฟันไปที่ตำแหน่งที่เหมาะสม ต่อสภาพฟันของผู้เข้ารับการรักษา หลังจากเข้ารับการจัดฟันแบบใส ตั้งแต่ขั้นตอนแรกไปจนถึงการเสร็จสิ้นการรักษา และการใช้โปรแกรม CLINCHECK ในการวางแผน ได้รับการยอมรับว่า มีความแม่นยำมากที่สุดในการวางแผน และระยะเวลาที่ได้กำหนด

ทั้งนี้หากคุณมีความสนใจหรือต้องการที่จะเข้ารับการจัดฟันแบบใส สามารถติดต่อทางคลีนิคเพื่อขอคำแนะนำจากทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ผ่านการอบรมทางเฉพาะด้านและมีประสบการณ์ในการจัดฟันมาอย่างยาวนาน นอกจากนี้หากคุณกังวลในเรื่องของค่าใช้จ่าย สามารถปรึกษาเจ้าหน้าที่ของทางคลีนิคได้ ทางคลีนิคเรามีสถานที่ประกอบการอย่างกว้างขวาง สะอาดและปลอดภัย ได้มาตรฐานสากล จึงมั่นใจได้ว่า คุณจะได้รับการบริการที่น่าประทับใจ และจะกลับมามีรอยยิ้มที่สวยงามอย่างเป็นธรรมชาติอย่างแน่นอน

9
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


10
ปล่อยรถไมล์น้อย BMW X4M Competition ฟรีประกัยภัยชั้น 1

บีเอ็มดับเบิลยู BMW X4 M Competition ปี 2022
BMW X4 M Competition รถยนต์ Sports Activity Coupe (SAC) ที่เติมพลังให้เหนือกว่า X4 M รุ่นเดิมด้วยชุดแต่ง Competition เสริมให้เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ M TwinPower Turbo ขนาด 2,993 ซีซี มอบความแรงได้ถึง 375 กิโลวัตต์ / 510 แรงม้า ขณะที่การเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็ทำได้ในเวลาเพียง 4.0 วินาทีเท่านั้น

หมายเหตุ : รายละเอียดของรถยนตอ์าจมีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 25 มี.ค. - 31 มี.ค. 2568
BSI 5 ปี / 100,000 KM
ฟรีประกัยภัยชั้น 1 ระยะเวลา 3 ปี

ราคาพิเศษ 6,559,000 บาท

สนใจสอบถามรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

ข้อมูลทั่วไป

เครื่องยนต์                     M TwinPower Turbo แบบ 6 สูบเรียง
ขนาดเครื่องยนต์ (CC)       2,993 CC
กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)    510 แรงม้า
ระบบเกียร์                      เกียร์ออโต้ 8AT
รูปแบบเกียร์                    พร้อมระบบ Drivelogic
ระบบเบรค ABS             มี (พร้อมระบบควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง (CBC) และระบบช่วยเพิ่มแรงเบรกอัตโนมัติ)
ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง     เบนซิน 95
ความจุถังน้ำมัน (ลิตร)     N/A
ระบบจ่ายน้ำมัน              Direct injection
น้ำหนักตัวรถ                 -
ประเภทยางรถยนต์          -
ขนาดล้อ (นิ้ว)
ระบบขับเคลื่อน            ขับเคลื่อนสี่ล้อ (M xDrive)


11
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


12
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: เลือดกำเดา (Epistaxis/Nose bleed)

เลือดกำเดา (เลือดออกจากจมูก) เกิดจากหลอดเลือดฝอยที่บริเวณเยื่อจมูกมีการแตกทำลาย ทำให้มีเลือดออกจากรูจมูก

ส่วนใหญ่เกิดจากหลอดเลือดฝอยที่ผนังกั้นจมูกด้านหน้าแตก มักมีเลือดออกจากจมูกข้างเดียว อาการมักไม่รุนแรง และเลือดหยุดได้ง่าย ภาวะนี้พบบ่อยในเด็ก

ส่วนน้อยเกิดจากหลอดเลือดฝอยที่ผนังจมูกด้านข้างซึ่งอยู่ลึกไปทางด้านหลังของจมูก (มีขนาดที่ใหญ่กว่าหลอดเลือดฝอยที่ผนังกั้นจมูกด้านหน้า) แตก อาจมีเลือดออกจากจมูก 2 ข้าง และอาจมีเลือดออกมาก ซึ่งจะไหลลงคอและปาก ภาวะนี้พบบ่อยในผู้ใหญ่

เลือดกำเดาส่วนมากมักเกิดอาการขึ้นฉับพลัน บางรายอาจมีอาการเป็น ๆ หาย ๆ บ่อย พบได้ในคนทุกวัย พบบ่อยในเด็กเล็ก (อายุ 2-10 ปี) และผู้สูงอายุ (อายุ 50-80 ปี) 

นอกจากนี้ ยังพบได้บ่อยในหญิงตั้งครรภ์ (เนื่องจากหลอดเลือดขยายตัว ทำให้ผนังหลอดเลือดฝอยแตกได้ง่าย) ผู้ที่สูบบุหรี่ (เนื่องจากบุหรี่ทำให้ระคายเคืองต่อเยื่อบุจมูก จมูกแห้ง) หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จัด (เนื่องจากแอลกอฮอล์ทำให้หลอดเลือดขยายตัว และยับยั้งการแข็งตัวของเลือด)

ส่วนมากจะไม่มีอันตรายร้ายแรง และหายได้เอง


สาเหตุ

โดยมากมักไม่มีสาเหตุร้ายแรง ซึ่งจะมีเลือดออกเพียงเล็กน้อยและหยุดได้เอง

สาเหตุที่พบบ่อย ได้แก่ การแคะจมูกหรือสั่งน้ำมูกแรง ๆ การเจออากาศแห้งหรือหนาวเย็น หรือนอนในห้องปรับอากาศ การอักเสบของเยื่อจมูก (เช่น ไข้หวัด หวัดภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบ เยื่อจมูกอักเสบ เป็นต้น) การอยู่ในที่สูงซึ่งมีความดันบรรยากาศลดลง (เช่น การนั่งเครื่องบิน การอยู่บนภูเขาสูง)

อาจเกิดจากได้รับบาดเจ็บ (เช่น ถูกแรงกระแทกที่ดั้งจมูก) มีสิ่งแปลกปลอมเข้าจมูก ผนังกั้นจมูกคด ติ่งเนื้อเมือกจมูก การสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จัด

อาจพบร่วมกับโรคติดเชื้อ (เช่น หัด มาลาเรีย ไข้เลือดออก เป็นต้น) ภาวะหลอดเลือดแดงแข็ง โรคตับเรื้อรัง (มีภาวะเลือดออกง่าย) การใช้ยา (เช่น ยาแก้แพ้ ลดน้ำมูก แก้คัดจมูก)

ผู้ป่วยที่เป็นความดันโลหิตสูง บางครั้งก็อาจมีเลือดกำเดาไหล และถ้ามีความดันโลหิตสูงแบบวิกฤต (hypertensive crisis คือ ความดันช่วงบนมากกว่าหรือเท่ากับ 180 หรือช่วงล่างมากกว่าหรือเท่ากับ 120 มม.ปรอท) ก็มักจะมีอาการเลือดกำเดาไหลบ่อย

ส่วนน้อยอาจมีสาเหตุร้ายแรง เช่น โรคเลือดที่มีเลือดออกง่าย ได้แก่ ฮีโมฟิเลีย มะเร็งเม็ดเลือดขาว โลหิตจางจากไขกระดูกฝ่อ ไอทีพี เป็นต้น ซึ่งมักมีเลือดออกตามไรฟัน มีจ้ำเขียวขึ้นตามตัว อาจมีเลือดออกที่อื่น ๆ มีไข้ หรือตับโตม้ามโตร่วมด้วย

ในผู้ใหญ่ที่มีเลือดกำเดาบ่อยร่วมกับอาการคัดจมูก หูอื้อหรือมีก้อนบวมที่ข้างคอ อาจเกิดจากมะเร็ง หรือเนื้องอกในจมูกหรือโพรงหลังจมูก

อาการ

มีเลือดสด ๆ ไหลออกทางรูจมูกข้างใดข้างหนึ่ง หรือทั้ง 2 ข้าง

ถ้าออกที่ด้านหลังของจมูกอาจมีเลือดไหลลงคอและปาก ผู้ป่วยอาจมีอาการไอออกมาเป็นเลือดจากเลือดกำเดาที่ไหลลงคอ หรืออาจกลืนเลือดลงไปในกระเพาะอาหารทำให้อาเจียน หรือมีอาการถ่ายอุจจาระดำ (ซึ่งเป็นเลือดเก่า มาจากเลือดกำเดาที่ไหลลงไปในลำไส้) ในวันต่อ ๆ มา


ภาวะแทรกซ้อน

ถ้าออกมากอาจทำให้เกิดภาวะซีดได้ ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นค่อนข้างน้อย

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกายเป็นหลัก

อาจตรวจพบเลือดกำเดาไหลหรือจุดเลือดออกที่เยื่อจมูก ภาวะซีด (ในรายที่เสียเลือดมาก)

ในรายที่มีโรคที่เป็นสาเหตุของเลือดกำเดา อาจตรวจพบความผิดปกติ เช่น ไข้ น้ำมูกไหล จุดแดงจ้ำเขียวตามตัว เลือดออกตามที่อื่น ๆ ผนังกั้นจมูกคด ติ่งเนื้อเมือกจมูก สิ่งแปลกปลอมในรูจมูก ความดันโลหิตสูง ดีซ่าน ตับโต เป็นต้น 

ในรายที่เลือดกำเดาออกรุนแรง เป็น ๆ หาย ๆ บ่อย หรือตรวจพบหรือสงสัยว่ามีโรคที่เป็นสาเหตุของเลือดกำเดา แพทย์จะทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น ใช้กล้องส่องตรวจจมูกและโพรงหลังจมูก ตรวจชิ้นเนื้อ ตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ เอกซเรย์ ถ่ายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เป็นต้น


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ให้การปฐมพยาบาล โดยให้ผู้ป่วยนั่งตัวตรง โน้มตัวไปข้างหน้า ก้มศีรษะเล็กน้อย ใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้บีบจมูกทั้ง 2 ข้างให้แน่นเป็นเวลา 10 นาที บอกให้ผู้ป่วยหายใจทางปากแทน

ส่วนมากมักจะได้ผลโดยวิธีดังกล่าว ถ้าไม่ได้ผลให้ทำซ้ำอีกครั้งนาน 10 นาที

ถ้าเลือดยังไม่หยุด แพทย์จะใช้ผ้าก๊อซหรือผ้าสะอาดชิ้นเล็ก ๆ ชุบอะดรีนาลิน ขนาด 1:1,000 ให้ชุ่มสอดเข้าในรูจมูกข้างที่มีเลือดออก ยัดให้แน่น ยานี้จะช่วยให้หลอดเลือดฝอยตีบลงและเลือดหยุดได้ ควรยัดผ้าก๊อซไว้นาน 2-3 ชั่วโมง เมื่อแน่ใจว่าเลือดหยุดดีแล้วจึงค่อย ๆ ดึงออก

ในรายที่เลือดออกไม่หยุด อาจต้องรักษาโดยการจี้ด้วยสารเคมี-ซิลเวอร์ไนเทรต (silver nitrate) หรือจี้ด้วยความร้อน (electrocautery)

2. ในรายที่แพทย์ทำการตรวจเพิ่มเติม พบภาวะซีด หรือโรคที่เป็นสาเหตุ ก็จะทำการรักษาภาวะ/โรคที่ตรวจพบ เช่น ให้ยาบำรุงโลหิตในรายที่มีภาวะซีดจากการเสียเลือด, ให้ยารักษาโรค (เช่น ไข้หวัด หวัดภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบ ความดันโลหิตสูง โรคเลือด), ปรับเปลี่ยนยา (ที่ใช้รักษาโรคอยู่เดิม) ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เลือดกำเดาไหล, เอาสิ่งแปลกปลอมออก, ผ่าตัดแก้ไข (เช่น ผนังกั้นจมูกคด เนื้องอกในโพรงจมูก) เป็นต้น

ผลการรักษา ส่วนใหญ่หายได้ภายในเวลาสั้น ๆ โดยไม่มีภาวะแทรกซ้อน แต่ถ้าหลังจากนั้นผู้ป่วยไม่ได้หลีกเลี่ยงปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดอาการ ก็อาจกำเริบซ้ำได้อีก

ส่วนน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูงอายุ ซึ่งมีโรคที่เป็นสาเหตุของเลือดกำเดา จำเป็นต้องได้รับการรักษาโรคที่เป็นสาเหตุอย่างต่อเนื่อง
 

วิธีห้ามเลือดกำเดา

การปฐมพยาบาล สำหรับอาการเลือดกำเดาไหล

    จัดให้ผู้ป่วยนั่งตัวตรง โน้มตัวไปข้างหน้า ก้มศีรษะเล็กน้อย
    ใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้บีบจมูกทั้ง 2 ข้างให้แน่น บอกให้ผู้ป่วยหายใจทางปากแทน นาน 10 นาที
    ถ้าคลายนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ที่บีบจมูกออกแล้วเลือดยังไม่หยุด ให้ทำการบีบจมูกตามขั้นตอนข้างต้นซ้ำอีกครั้ง นาน 10 นาที ถ้าเลือดยังไม่หยุดควรรีบไปพบแพทย์ หรือให้แพทย์ทำการช่วยเหลือด้วยวิธีอื่นต่อไป


หมายเหตุ

    ระหว่างให้การปฐมพยาบาล อย่าให้ผู้ป่วยนอนราบหรือเงยหน้าขึ้น เพราะผู้ป่วยอาจกลืนเลือดลงไประคายต่อกระเพาะอาหาร เกิดอาการอาเจียนได้ หากมีเลือดไหลลงคอหรือปาก ควรคายออก อย่ากลืนลงไป
    หลังจากให้การช่วยเหลือจนเลือดหยุดแล้ว ควรระวังไม่ให้มีเลือดกำเดาออกอีก โดย
    - รักษาศีรษะให้อยู่ในระดับสูงกว่าหัวใจ อย่าก้มศีรษะให้อยู่ต่ำกว่าระดับหัวใจ และห้ามออกแรงเบ่ง ยกของหนัก เป็นเวลา 4-5 ชั่วโมง
    - ห้ามสั่งน้ำมูก แคะจมูก ขยี้จมูก เป็นเวลา 4-5 วัน
    - ถ้าเป็นไปได้ควรระวังไม่ให้ไอ จาม


การดูแลตนเอง

1. เมื่อมีเลือดกำเดาไหล ควรทำการปฐมพยาบาล

ควรไปพบแพทย์โดยเร็ว ถ้ามีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ทำการปฐมพยาบาลไม่ได้ผล หรือมีเลือดกำเดาออกนานเกิน 20 นาที
    เลือดออกมาก หรือมีเลือดออกตามที่อื่น ๆ
    หายใจลำบาก
    มีอาการอาเจียนเพราะกลืนเลือดลงกระเพาะอาหารมาก
    ได้รับบาดเจ็บรุนแรง เช่น รถชน ตกจากที่สูง ถูกทุบตีที่ศีรษะ/ใบหน้า/จมูก
    มีภาวะซีดจากการเสียเลือด หรือมีจุดแดงจ้ำเขียวตามตัว
    มีประวัติกินยาต้านเกล็ดเลือด/สารกันเลือดเป็นลิ่ม
    มีโรคประจำตัว เช่น โรคเลือด ความดันโลหิตสูง โรคตับเรื้อรัง
    พบในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี
    เป็น ๆ หาย ๆ บ่อย

2. กรณีที่ไปพบแพทย์ เมื่อได้รับการรักษาจากแพทย์ ควรดูแลตนเองดังนี้

    กินยาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามการรักษาตามที่แพทย์นัด
    ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
    - มีเลือดกำเดาไหลไม่หยุดหรือกำเริบใหม่
    - เจ็บหรือแน่นจมูกมาก หายใจลำบาก ปวดศีรษะมาก อาเจียนบ่อย มีไข้สูง เบื่อ อาหาร หรือน้ำหนักลด
    - กินยาที่แพทย์ให้กลับไปกินที่บ้าน แล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา (เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ) ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด


การป้องกัน

สำหรับเลือดกำเดาที่พบบ่อยซึ่งมักเกิดจากสาเหตุที่ป้องกันได้ ควรปฏิบัติ ดังนี้

    หลีกเลี่ยงการแคะจมูก และตัดเล็บให้สั้น (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็ก)
    หลีกเลี่ยงการสั่งน้ำมูกแรง ๆ
    ไม่สูบบุหรี่
    จำกัดปริมาณแอลกอฮอล์ที่ดื่ม
    ถ้าเป็นหวัด น้ำมูกไหล ใช้ยาตามขนาดที่แพทย์แนะนำ และไม่ใช้ติดต่อกันนาน ๆ
    หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่อากาศแห้งหรือหนาวเย็น ถ้าเลี่ยงไม่ได้ ควรพ่นรูจมูกด้วยสเปรย์น้ำเกลือ/หยอดจมูกด้วยน้ำเกลือ วันละ 2-3 ครั้งเพื่อให้จมูกชุ่มชื้น
    ถ้ามีอาการเลือดกำเดาเวลานอนในห้องปรับอากาศ ควรตั้งเครื่องเพิ่มความชื้นไว้ในห้อง หรือวางภาชนะใส่น้ำ (เช่น แก้ว ขัน กระป๋อง กะละมัง) ไว้ใกล้หัวนอน เพื่อเพิ่มความชื้น และ/หรือใช้วาสลินป้ายในรูจมูกก่อนนอน
    ถ้าทำกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บต่อศีรษะ/จมูก ควรใช้อุปกรณ์ป้องกัน
    ในรายที่เกิดจากสาเหตุที่ป้องกันได้ เช่น ไข้หวัด หวัดภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบ ความดันโลหิตสูง เป็นต้น ก็ควรดูแลรักษาโรคเหล่านี้ให้ถูกต้อง


ข้อแนะนำ

1. เลือดกำเดาส่วนใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่พบในเด็ก มักไม่รุนแรง และหยุดได้ภายใน 20 นาที โดยอาจหยุดได้เองหรือหลังให้การปฐมพยาบาล อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีเลือดกำเดาไหลนานหรือรุนแรง หรือเป็น ๆ หาย ๆ บ่อย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ

2. ผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุ หากมีเลือดกำเดาไหล อาจมีความรุนแรง มีเลือดไหลมากและนานได้ เนื่องจากอาจมีโรคประจำตัว (เช่น โรคเลือด โรคตับเรื้อรัง ความดันโลหิตสูง มะเร็งโพรงหลังจมูก) หรือกินยารักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดที่มีผลทำให้เลือดออกง่าย (เช่น ยาต้านเกล็ดเลือด สารกันเลือดเป็นลิ่ม) ดังนั้น เมื่อมีเลือดกำเดาเกิดขึ้น ควรเฝ้าสังเกตอาการ หากมีเลือดกำเดาออกมากหรือนานเกิน 20 นาที ก็ควรรีบไปพบแพทย์

13
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น
•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


14
ปล่อยรถไมล์น้อย BMW i7 xDrive60 M Sport ปี 2023 มีโปรโมชั่นพิเศษ

บีเอ็มดับเบิลยู BMW i 7 xDrive60 M Sport ปี 2022
BMW i7 xDrive60 M Sport รถยนต์ซีดานพรีเมียมที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบ มอบที่สุดแห่งประสบการณ์ทั้งการขับขี่ที่เร้าใจ ความหรูหราสง่างาม และห้องโดยสารที่ให้บรรยากาศอบอุ่นสะดวกสบาย โดยรถยนต์ซีดานพรีเมียมไฟฟ้ารุ่นใหม่ล่าสุด อัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์ที่เน้นการใช้งานแต่หรูหราทั้งการออกแบบภายนอกและภายใน สะกดทุกสายตาด้วยกลิ่นอายความสปอร์ต พร้อมขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัว พละกำลังรวม 544 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 745 นิวตันเมตร ผสานกับเกียร์อัตโนมัติและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อไฟฟ้า BMW xDrive และเทคโนโลยี BMW eDrive เจเนอเรชั่นที่ 5 แบตเตอรี่แรงดันสูงที่ 105.7 กิโลวัตต์ชั่วโมง แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ติดตั้งด้านล่างตัวถังผสานกับประสิทธิภาพของระบบขับเคลื่อนส่งผลให้อัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าอยู่ที่ 19.6-18.4 กิโลวัตต์-ชั่วโมง/100 กิโลเมตร มอบระยะทางขับเคลื่อนตามมาตรฐาน WLTP สูงสุดที่ 625 กิโลเมตร โดยสามารถโลดแล่นจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลาเพียง 4.7 วินาที และมอบความเร็วสูงสุดที่ 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (ราคาขายรวม BSI STANDARD Package)

หมายเหตุ : รายละเอียดของรถยนตอ์าจมีการเปลี่ยนแปลงภายหลัง

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 1 เม.ย. - 30 เม.ย. 2568
BSI 4 ปี สิ้นสุด 29 ธันวาคม 2026
Warranty สิ้นสุด 29 ธันวาคม 2026

ราคาพิเศษ 5,499,000 บาท

สนใจสอบถามรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

ข้อมูลทั่วไป

มอเตอร์ไฟฟ้า
มอเตอร์ไฟฟ้าสองตัว พละกำลังรวม 544 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 745 นิวตันเมตร ผสานกับเกียร์อัตโนมัติและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อไฟฟ้า BMW xDrive และเทคโนโลยี BMW eDrive เจเนอเรชั่นที่ 5 แบตเตอรี่แรงดันสูงที่ 105.7 กิโลวัตต์ชั่วโมง แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน อัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าอยู่ที่ 19.6-18.4 กิโลวัตต์-ชั่วโมง/100 กิโลเมตร ระยะทางขับเคลื่อนตามมาตรฐาน WLTP สูงสุดที่ 625 กิโลเมตร โดยสามารถโลดแล่นจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลาเพียง 4.7 วินาที และมอบความเร็วสูงสุดที่ 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

กำลังเครื่องยนต์ (แรงม้า)        544 แรงม้า
ระบบเกียร์                          เกียร์อัตโนมัติ
รูปแบบเกียร์
ระบบเบรค ABS                   มี
ชนิดแบตเตอรี่                     ไฟฟ้า
ความจุแบตเตอรี่                   N/A
ระยะทางวิ่ง/การชาร์จ 1 ครั้ง     625 กิโลเมตร
น้ำหนักตัวรถ                         -
ประเภทยางรถยนต์                  -
ขนาดล้อ (นิ้ว)                     ล้ออัลลอย (M ขนาด 21 นิ้ว แบบสลับสี)
ระบบขับเคลื่อน                    ขับเคลื่อนสี่ล้อ (ไฟฟ้า BMW xDrive Electric)


15
บริการด้านอาหาร: อาหารที่ผู้ป่วยโรคกระเพาะไม่ควรรับประทาน

โรคกระเพาะ​อา​หาร ถือว่าเป็นโรคที่มักจะพบเจอได้บ่อยในวัยทำงาน ที่มักจะไม่ค่อยมีเวลารับประทานอาหาร บางคนกว่าจะได้รับประทานข้าวก็เลยไปอีกมื้อแล้ว หรือวัยรุ่นที่มักจะรับประทานอาหารจุกจิกจนละเลยการรับประทานอาหารหลัก ก็ทำให้เกิดโรคกระเพาะได้ ซึ่งโรคกระเพาะนั้นมีสาเหตุมาจากกรด​เพราะการที่กรดในกระเพาะมีมากเกินความสมดุลจะทำให้เกิด​โรคกระเพาะอาหาร โรคนี้ไม่ใช่แค่บั่นทอนสุขภาพให้แย่ลงอย่างเดียว แต่ยังเป็นการทำลายสุขภาพจิตและลดประสิทธิภาพในการทำงานลงเกินกว่าครึ่งด้วยอาการปวดแสบในช่องท้องได้ และเมื่อรู้ว่าอยู่ในความเสี่ยงที่จะเป็นโรคกระเพาะ​นอกจากการพบแพทย์เพื่อทำการรักษาอย่างตรงจุดแล้ว การปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวันบางอย่างก็จะช่วยให้ห่างไกลจากโรคกระเพาะได้


โดยอาการที่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่า เรากำลังมีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรคกระเพาะ มักจะรู้สึกปวดท้องเมื่อท้องว่าง แต่จะไม่ปวดตลอดเวลา เมื่อได้รับประทานอาหารจะทำให้อาการดีขึ้น ซึ่งแตกต่างจากอาการของโรคนิ่วในถุงน้ำดี ที่จะปวดท้องหลังอาหาร ไม่ปวดตอนท้องว่าง แต่ถ้าปวดจะปวดตลอดทั้งคืนติดต่อกัน หรืออาการปวดท้องเวลาดึก มีอาการคลื่นไส้ อาเจียนออกมาเป็นอาหารที่แยกชนิดอย่างชัดเจน ดังนั้น โรคกระเพาะ เป็นเหมือนกับภัยเงียบที่คอยบั่นทอนสุขภาพ หากเราละเลยไม่ให้ความใส่ใจดูแลสังเกตอาการของตนเอง อาจทำให้ได้รับความรุนแรงของโรคและอาจถึงแก่ชีวิตได้ ตอนที่แล้วเราเคยพูดถึงเรื่องของอาหารบำบัด เพื่อให้ห่างไกลจากโรคกระเพาะอาหาร ซึ่งวันนี้ทางเราจะมาพูดถึงเรื่องของอาหารที่ผู้ป่วยโรคกระเพาะไม่ควรรับประทาน เพื่อเป็นแนวทางให้กับผู้ป่วยได้ระมัดระวังเวลาที่จะต้องรับประทานอาหาร เพื่อช่วยบรรเทาและไม่ทำให้อาการป่วยรุนแรงขึ้นกว่าเดิม

โดยการป้องกันโรคกระเพาะอาหารอักเสบนั้น การรักษาความสะอาดและสุขอนามัยในการรับประทานอาหารเป็นหลักสำคัญในการป้องกันการเกิดโรคกระเพาะอาหารอักเสบ นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดการทำงานที่ผิดปกติของกระเพาะอาหารด้วยการปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร ทั้งการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และคาเฟอีน ภาวะเครียด สำหรับอาหารที่ควรหลีกเลี่ยง

สำหรับผู้ป่วยโรคกระเพาะอาหารก็เป็นเรื่องที่ต้องดูแลเอาใจใส่อย่างมาก เนื่องจากร่างกายของผู้ป่วยโรคกระเพาะอาจตอบสนองต่ออาหารแต่ละชนิดแตกต่างกัน ผู้ป่วยแต่ละรายจึงควรสังเกตอาการตนเองขณะรับประทานอาหารแต่ละชนิด และหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้อาการป่วยแย่ลง ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นอาหารที่มีรสเผ็ด เปรี้ยว หรือมีฤทธิ์เป็นกรด และอาหารที่มีไขมันสูง อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงคือ อาหารทอด ผลิตภัณฑ์อาหารที่ทำจากมะเขือเทศ อย่างซอสมะเขือเทศ หรือน้ำมะเขือเทศ นมสด และผลิตภัณฑ์อาหารที่ทำจากนมสดหรือครีม รวมไปถึงพริกและพริกไทย ทั้งในรูปแบบพริกหรือพริกไทยสด พริกป่น พริกไทยป่น หรือซอสพริก นอกจากนี้ อาหารประเภทเนื้อสัตว์แปรรูป เช่น ไส้กรอก แฮม หรือเบคอน ก็ไม่ควรรับประทาน ช็อกโกแลต นมช็อกโกแลต และโกโก้ร้อน

 เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน อย่างชา หรือกาแฟ เครื่องดื่มอัดแก๊ส อย่างน้ำอัดลม หรือโซดา ชาเขียว ชาดำ หรือกาแฟปราศจากคาเฟอีน และน้ำผลไม้ โดยเฉพาะน้ำส้ม รวมถึงต้องงดของหมักดอง รวมทั้งอาหารที่ทำให้เกิดก๊าซในกระเพาะอาหาร ที่สำคัญมากที่สุดก็คือ ควรทำจิตใจให้สดชื่นแจ่มใส และพักผ่อนอย่างเพียงพอ ดื่มน้ำมาก ๆ ป้องกันอาการท้องผูก และควรเคี้ยวอาหารให้ละเอียดเพื่อไม่ให้กระเพาะอาหารทำงานหนัก

ดังนั้น เราควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพราะทางเราเน้นย้ำมาตลอดให้ทุกคนเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ในปริมาณที่เหมาะสมต่อความต้องการของร่างกาย เพื่อให้ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บ ที่สำคัญเราจะต้องดูแลตัวเองให้มากๆ ดื่มน้ำมากๆ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เราได้มีสุขภาพที่แข็งแรง อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมการรับประทานอาหารก็ยังเป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน  เพราะเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง สมบูรณ์ ห่างไกลจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ เพราะการไม่มีโรคถือเป็นลาภอันประเสริฐ และที่สำคัญที่สุด การใช้ชีวิตประจำวันของเรานั้น ก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของการที่ทำให้เรามีสุขภาพที่ดี หากเรามีคุณภาพชีวิตที่ดี มีอาหารการกินที่มีประโยชน์ ก็ถือว่าช่วยให้เรามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงได้ แต่ก็ควรหมั่นออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย เพื่อให้เราได้ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บได้

หน้า: [1] 2 3 ... 46






















































smf ขายของออนไลน์ที่ไหนดี
เทคนิคการโพสต์ขายของ
smf โพสต์ขายของให้ยอดขายปัง
โพสต์ขายของให้ยอดขายปังโพสฟรี
smf ขายของในกลุ่มซื้อขายสินค้า
ไม่รู้จะขายอะไรดี
อยากขายของดี
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ
ขายสินค้าไม่สต๊อกสินค้า
เริ่มขายของออนไลน์
รับทำ seo ด่วน
smf โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์อะไรดี
smf โพสฟรี
แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์ โพสฟรี
ขายของให้ออร์เดอร์เข้ารัว ๆ
smf โพสต์เรียกลูกค้า
โพสต์เรียกลูกค้าโพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ให้ปัง
smf โพสต์ขายของ
smf เขียนโพสขายของโดนๆ
แคปชั่นเปิดร้าน โพสฟรี
smf วิธีโพสขายของให้น่าสนใจ
วิธีเพิ่มยอดขาย โพสฟรี
smf เทคนิคเพิ่มยอดขาย
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ
smf เริ่มต้นขายของออนไลน์
ไอ เดีย การขายของออนไลน์
เว็บขายของออนไลน์
เริ่ม ขายของออนไลน์ โพสฟรี
อยากขายของออนไลน์ smf
โพสขายของยังไงให้มีคนซื้อ
smf โพสขายของแบบไหนดี
โพสฟรีแคปชั่นโพสขายของยังไงให้ปัง
smf แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์

มีลูกค้าเพิ่ม - YouTube
ผลักดันยอดขายโปรโมทฟรี
ประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศเพิ่มยอดขาย
ฝากร้านฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศฟรีใหม่ ๆ เพิ่มยอดขาย
เว็บประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
Post ฟรี
ประกาศขายของฟรี
ประกาศฟรี
โพส SEO
ลงโฆษณาฟรี
โปรโมทเพจร้านค้า
โปรโมทกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทฟรีออนไลน์กระตุ้นยอดขาย
โพสกระตุ้นยอดขาย
วิธีกระตุ้นยอดขาย เซลล์
วิธีแก้ปัญหายอดขายตก
เริ่มต้นขายของ
แหล่งรับของมาขายออนไลน์
ขายของออนไลน์อะไรดี
อยากขายของออนไลน์
เพิ่มยอดขายให้เข้าเป้า
โปรโมทผลักดันยอดขาย
โปรโมทแผนการเพิ่มยอดขายให้ได้ผล
โปรโมทวิธีการวางแผนการเพิ่มยอดขาย
ยอดขายไม่ดีควรทำอย่างไร
ยอดขายตกเกิดจากอะไร
ทำไมต้องเพิ่มยอดขาย
ขายฟรี
ยอดการขาย คืออะไร
กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
โพสฟรีการกระตุ้นยอดขาย
เว็บบอร์ดฟรี
โปรโมทฟรี

กลยุทธ์การหาลูกค้าใหม่
ทํายังไงให้ขายของดี ออนไลน์
วิธีการหาลูกค้าของ sale
ทำ SEO ติด Google
ต้องการขาย
ปล่อยเช่า บ้าน คอนโด ที่ดิน
ขายบ้าน คอนโด ที่ดิน
ประกาศฟรี ไม่มี หมดอายุ
เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ
ฝากร้านฟรี โพ ส ฟรี
ลงประกาศฟรี กรุงเทพ
ลงประกาศฟรี ทั่วไทย
ลงประกาศโฆษณาฟรี
ลงประกาศฟรี 2023
รวมเว็บลงประกาศฟรี
วิธีหาลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
การหาลูกค้าใหม่ รักษาลูกค้าเก่า
ช่องทางการเข้าถึงลูกค้า
เพิ่มฐานลูกค้าใหม่
รวมเว็บลงประกาศฟรี ล่าสุด
รวมเว็บประกาศฟรี
โพสต์ขายของฟรี
ลงโฆษณาสินค้าฟรี
โฆษณาฟรี
ประกาศฟรี
เว็บฟรีไม่จำกัด
ลงประกาศขาย
เว็บฟรียอดนิยม
โพสโฆษณา
ประกาศขายของ
ประกาศหางาน
บริการ แนะนำเว็บ
ลงประกาศ
รวมเว็บประกาศฟรี
รวมเว็บซื้อขาย ใช้งานง่าย
ลงประกาศฟรี ทุกจังหวัด

ชี้ช่องขายของออนไลน์
การขายของออนไลน์
สร้างเว็บฟรีประกาศ
เว็บบอร์ด โพสต์ฟรี
ลงประกาศ ซื้อ-ขาย ฟรี
ชุมชนคนไอทีขายสินค้า
ลงประกาศฟรีใหม่ๆ 2023
โปรโมทธุรกิจฟรี
โปรโมทสินค้าฟรี
แจกฟรี รายชื่อเว็บลงประกาศฟรี
โปรโมท Social
โปรโมท youtube
แจกฟรี รายชื่อเว็บ
แจกฟรีโพสเว็บบอร์ดsmf
เว็บบอร์ดsmfโพสฟรี
รายชื่อเว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
หากลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
ทําไงให้ลูกค้าเข้าร้านเยอะ ๆ
กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
เคล็ดลับขายของดี
ค้าขายไม่ดีทำอย่างไรดี
งานโพสโปรโมทงาน
ทํายังไงให้ขายของดี ออนไลน์
รวม SMFขายสินค้า
ประกาศฟรีออนไลน์
ลงประกาศ สินค้า
ลงประกาศฟรี เว็บบอร์ด
เว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ฟรี เว็บบอร์ด แรงๆ
โพสขายสินค้าตรงกลุ่มเป้าหมาย
โฆษณาเลื่อนประกาศได้
ขายของออนไลน์
แนะนำ 6 วิธีขายของออนไลน์
อยากขายของออนไลน์
เริ่มต้นขายของออนไลน์
ขายของออนไลน์ เริ่มยังไง